
มหัศจรรย์กัวซาขูดพิษพิชิตสารพัดโรค
สมรรถภาพตื่นตัวครอบครัวเป็นสุข ความสวยสดใสสื่อผลพลอยได้ทำไมขูดกัวซา (ขูดพิษ) แล้วต้องให้ทานยาสมุนไพรไทยด้วย สาเหตุจากประสบการณ์มีมากกว่า 10 ปี ถ้าหากขูดพิษอย่างเดียวไม่ทานยาจะหายได้ 40% ถ้าไม่ทานยาล้างพิษและยาปรับธาตุทั้ง 4 ให้บริบูรณ์ เพราะคนเราเกิดมาจากธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าธาตุหนึ่งธาตุใด เกิดกำเริบ หย่อน พิการ ก็จะเจ็บป่วยได้ตามธาตุนั้นๆ คนโบราณเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าโรคกษัย คือโรคความเสื่อมของระบบภายในร่างกายนั่นเอง
การขูดพิษเสร็จแล้วจำเป็นที่สุดต้องทานยาประจุดรอบโรคทั้งปวงเพื่อถ่ายพิษที่สะสมอยู่ในร่างกาย ถ่ายลม โลหิตที่เสียและถ่ายโรคกษัย เพราะในตำรายาแผนโบราณท่านกล่าวไว้ว่า คนที่จะเป็นหมอที่เก่งพึงจำใส่ใจไว้ว่าก่อนที่จะรักษาโรคใดๆ ควรถ่ายพิษภายในเสียให้สิ้นโรคจะได้ไม่ดื้อยา เพราะในร่างกายของเราอุดมไปด้วยพิษ ยิ่งลำไส้เล็กและสำไส้ใหญ่มีไขมันเกาะมาก ระบบการดูดซึมสารอาหารและวิตามินไปสู่ผิวไม่ดี ผิวก็ไม่ใส ยิ่งคนที่ท้องผูกเป็นประจำแล้วก็ยิ่งหนัก ขอบตาจะดำคล้ำ ผิวหนังก็จะคล้ำลง นิ้วมือนิ้วเท้าตรงข้อจะดำกว่าปกติ อุ้งมือจะร้อน ท้องก็อืด ปวดเมื่อยไปทั้งตัว สารพัดโรคก็ตามมา โอกาสเป็นอัมพฤต อัมพาตมีค่อนข้างสูง เพราะเลือดมันหนืด มันข้น เส้นเลือดในสมองมักตีบแตกได้ ถ้าเราถ่ายไขมันที่เกาะอยู่ในลำไส้สะอาดแล้ว ยาที่ทานเข้าไปก็จะดูดซึมไปรักษาอาการของโรคนั้นๆ ได้ดี และหายได้เร็วขึ้น ทำไมขูดพิษอย่างเดียวจึงไม่หาย เพราะการขูดพิษไม่ได้รักษาเรื่องธาตุทั้งสี่ให้บริบูรณ์ เพียงแต่เอาพิษที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังนั้นให้ออกมาภายนอก ขูดยังไงก็ออกไม่หมด ขูดทุกครั้งก็เจ็บทุกครั้ง หายได้แค่ 40% จึงจำเป็นต้องทายาสมุนไพรไทย เพื่อปรับธาตุทั้ง 4 ให้บริบูรณ์ หลังจากนั้นความสดใสของผิวพรรณ ใบหน้าที่บวม ขอบตาที่ดำคล้ำ รูปร่างที่พองบวมก็จะกระชับ คือคนจะสวยได้ก็ต้องสวยจากภายในสู่ภายนอก ต้องสวยด้วยเลือดฝาด ใบหน้าอมชมพูด้วยเลือด ไม่ต้องพึ่งบรัชออนก็สวยได้ สวยแบบมีออร่า
อาการอย่างไรจึงจะขูดพิษได้
อาการของโรคอะไรบ้างที่จะขูดพิษได้ มีตั้งร้อยกว่าอาการที่มีอยู่ในตำราอาการทั่วๆ ไป ก็คือ อาการปวดเมื่อยตามตัวทานยาก็ไม่หาย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บ่า คอ เวลาหันคอมันจะตึงและดังก๊อกแก๊ะ หนักศรีษะ มึนศรีษะ ปวดท้ายทอย ปวดกล้ามเนื้อบ่า คอแห้งจิบน้ำยังไงก็ไม่หายคอแห้ง นอนไม่หลับ หลับไม่ลึก ตาพร่ามัว เพราะกล้ามเนื้อบ่าคอแข็งตึง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่พอ นัยน์ตาเหมือนมีเส้นใยอยู่ในลูกตา ขยี้ยังไงก็ไม่หาย ถ้ารอบดวงตาคล้ำ มักคันตาขยี้ยังไงก็ไม่หายคัน อาการคันมาจาจากพิษโลหิตที่เสีย สาเหตุมักมาจากอาการท้องผูกหรือขับถ่ายออกไม่หมด เวลาอาหารใหม่เข้าไปลำไส้ก็ดันอาการเก่าเข้ามาย่อย แทนที่จะได้เลือดดีก็ได้เลือดสี คือ ชา คือพิษนั่นเอง คนโบราณท่านถึงมียาถ่ายพิษให้ทาน คนเราถ้าร่างกายปราศจากพิษแล้วสุขภาพที่ดี ไม่ปวด ไม่เมื่อย ไม่อ่อนเพลีย
อาการอ่อนเพลีย สาเหตุมักมาจากเลือดที่เป็นพิษ และเส้นเอ็นที่แข็งตึง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่พอ ทำให้ตาพร่ามัว ปวดขมับ ปวดท้ายทอย มักง่วงหงาวหาวนอน จะนอนก็นอนไม่หลับ ปวดเมื่อยตึงไปทั้งตัว บางคนนอนหลับมักฝันเลอะเทอะ หูอื้อ มักมีเสียงดังในหู ไปหาหมอมักบอกว่าคุณเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน รักษายังไงก็ไม่หาย จะหายได้ยังไงคนที่เป็นลองมองดูบ่า คอ และตรงกกหูดูชิมันแข็งเป็นก้อน คอแข็งเป็นเอ็นเชียว เลือดลมมันเดินไม่สะดวก หูก็อื้อดัง ขูดแปปเดียวก็หายแล้ว บางคนหูได้ยินไม่ชัด คือได้ยินค่อย เวลาคนอื่นพูดต้องเอียงหูฟัง เพราะรูหูมันตุ้ม เพราะเส้นคอมันตึง ความจำก็สั้นลง เพราะเลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่พอ
อาการบ้านหมุน โลกหมุน สาเหตุก็มาจาก เลือดไปเลี้ยงได้ต่ำ มีการอุดตันอยู่ตรงกลางหน้าผาก ศรีษะท้ายทอย กล้ามเนื้อบ่า คอแข็ง ตาพร่ามัว มีการอุดตันของเลือดอยู่หลายจุดตั้งแต่ศรีษะถึงนิ้วเท้า คนเป็นกันมาก
อาการหายใจได้ไม่เต็มปอด เนื่องจากมีพิษอุดตันอยู่กลางหลังและตรงปอดด้านหน้า และระหว่างหน้าอกทั้ง 2 ข้าง ตรงแขนด้านใน และตรงสันหน้าแข็งทั้ง 2 ข้าง เอาพิษออกก็หายได้
โรคภูมิแพ้ สาเหตุมากจากเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้ไม่พอ แน่นจมูกหายใจได้ไม่เต็มปอดทุกตามจุด
โรคท้องอืด อาหารไม่ย่อยมาจากระบบการย่อยอาหารไม่ดี มาจากน้ำดีมักข้น ไฟธาตุหย่อน บางคนทานปุ๊บออกปั๊บไม่ทันได้ย่อยก็มี บางคนทานแล้วไม่ยอมถ่ายก็มี เวลาคนกินแล้วไม่ถ่ายออกก็เหมือนมีถังแก๊สอยู่ในท้อง แก๊สก็คือลมที่เป็นพิษที่แล่นอยู่ในร่างกาย จุกเสียดแน่นไปทั้งตัว มักปวดท้ายทอย มึนศรีษะ ตาพร่ามัว อ่อนเพลีย หนักเนื้อหนักตัว (ตามัว หัวหนัก ตาพอง หนังตาตก ใบหน้าบวมๆ คิดว่าตัวเองอ้วน ใบหน้าฉุๆ ผิวหนังฉุๆ) ขูดพิษกินยาถ่าย+ยาปรับธาตุก็หายแล้วตามรูป
โรคท้องผูก สาเหตุมักมาจากทานน้ำน้อย เส้นท้องตึง เอวตึง มักมาจากพฤติกรรมการทำงาน การออกกำลังกายมากเกินไป เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องมากเกินไปทำให้ท้องผูก ถ้าเส้นท้องตึงมากเวลาขับถ่ายมักเป็นก้อนเหมือนขี้กระต่าย อุจาระมักเหม็นสาบเหมือนหญ้าแห้ง มักปวดเมื่อยตามเนื้อตัว เส้นเอ็นมักแข็งตึง พอถ่ายไม่ออก มักเป็นคนโลหิตจากอ่อนเพลียมาก ขูดพิษทานยาก็หายได้ตามภาพ
ปวดเอว สาเหตุมาจากพฤติกรรมการทำงานนั่งทำงานนานๆ ขับรถไกลๆ เส้นเอวตึง เส้นท้องตึง ยกของหนักอยู่เท่าเดิม เป็นเวลานานๆ ขูดตามรูป
โรคผิวหนังผื่นคัน สาเหตุมาจากน้ำเหลืองเสีย เม็ดเลือดขาวน้อย เลือดเสียคือธาตุน้ำเสียผิดปกติ จำเป็นที่ต้องกินยาถ่ายพิษและยาปรับธาตุ พร้อมด้วยการขูดพิษ ตามภาพ
วิธีการขูดพิษรักษาโรค
คนที่จะขูดพิษได้ จำเป็นต้องเป็นคนที่มีพลังจิตในตัวเองที่สุขจึงจะดึงเอาพิษภายในออกมาได้ ทุกคนจะมีพลังในตัวเอง จะมีมากมีน้อยอยู่ที่คนปฏิบัติกรรมดี พลังที่มีไม่มีวันเสื่อมก็คือพลังที่มีความกตัญญูต่อบิดา มารดา ครูอาจารย์ และมีความเมตตาเป็นที่ตั้ง ต้องตั้งมั่นในคุณธรรม มีสัจจะธรรม มีเมตตา ต้องไร้พลังภายในตัวเองเป็นไม่ใช่ทุกคนจะจับแผ่นกัวซา แล้วขูดๆ แล้วพิษจะออกมาได้ ถ้าไม่ใช้แรงกด ถ้าใช้แรงกดเนื้อจะช้ำไปหลายวัน คนไข้จะระบมและเป็นไข้ในภายหลังที่ขูด แต่ถ้าคนเป็นหมอขูดไช้พลังในตัวเองเป็นเวลา ขูดพิษไม่ต้องใช้แรงกด ไร้แผ่นกัวซาขูดไปบนผิวหนังเบาๆ คนไข้จะรู้สึกว่าแผ่นกัวซาจะเป็นฟันเลื่อยเหมือนมีเม็ดทรายอยู่ในเนื้อคนที่ถูกขูด พอพิษซาขึ้นหมด คนถูกขูดจะรู้สึกไม่เจ็บและตรงจุดที่ขูดจะรู้สึกลื่น แต่ถ้าคนขูดไม่มีพลังจะขูดพิษไม่ขึ้นและไม่รู้สึกเจ็บ พิษไม่ออกก็ไม่เจ็บ ขูดกับหมออิ้มเจ็บนับนาทีได้ สบายไปได้ตลอดชีวิตกับทนการเจ็บป่วยที่ไม่อาจนับเวลาได้ ป่วยไปทั้งชีวิตก็ต้องเลือกเอาเอง
เงินไม่สามารถซื้อสุขภาพได้ ถ้าไม่เอาพิษออกจากร่างกาย
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐเชียวนะค่ะ