โทร  081 428 9569  |  02 716 9767

Top

“พิษ” ในที่นี้หมายถึง ปัจจัยหรือสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรค หรืออาการต่างๆที่ส่งผลให้ร่างกายเราเจ็บป่วย ไม่ว่าจะเป็นปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ปวดศีรษะ ไมเกรน ปวดท้อง นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เบื่ออาหารทานอะไรก็ไม่อร่อย เครียด หงุดหงิด เห็ฯอะไรขวางหูขวางตาไปหมด ฯลฯ พิษ , โรค หรืออาการเจ็บป่วยในร่างกายเรา ที่ส่งผลให้ร่างกายของเราทำงานไม่ปกติก่อให้เกิดเป็นความเจ็บป่วย ปัญหาสุขภาพต่างๆตามมา สาเหตุของพิษ โรค หรืออาการเจ็บป่วยนั้น พิษในร่างกาย มีปัจจัยหลายอย่างด้วยกันเช่น อาหารการกิน เป็นปัจจัยหลัก อันดับแรกๆของการได้รับพิษ เพราะเป็นการนำเข้าสู่ร่างกายโดยตรงการกินเผ็ดเกินไป หวานเกินไป เค็มเกินไป การดื่มสุรา สูบบุหรี่เหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายได้รับพิษทั้งสิ้น รูปแบบของการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น นอนดึก นอนน้อย นอนไม่เป็นเวลาการออกกำลังกายมากเกินไป หรือการไม่ออกกำลังกายเลยก็เป็นสาเหตุของการทำงานที่ผิดสมดุลในร่างกายได้เช่นกัน พิษ หรือโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์ เช่นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกาย...

  โรคกษัย กัวซา อาการของกษัยที่เกิดเป็นอุปปาติกะโรค คือเกิดขึ้นเอง ๑๘ จำพวก กษัยล้น เกิดด้วยน้ำเหลือง วาโยพัดให้เป็นฟองข้นเข้าเป็นก้อน ทำให้ท้องลั่นขึ้นลั่นลง ข้างขึ้นแดกอก ข้างแรมถ่วงหัวเหน่า กษัยราก เกิดเพื่อลมร้อง ให้อาเจียนลมเปล่า ลั่นในอุทรดังจ๊อกๆ ตึงกายดุจถูกเชือกรัดไว้ ให้ร้องครวญครางทั้งวันทั้งคืน กษัยเหล็ก ให้หัวเหน่าท้องน้อยแข็งดังแผ่นศิลา ไหวตัวไม่ได้ เมื่อแก่เข้าก็แข็งลามไปถึงยอดอก กินอาหารไม่ได้ ปวดขบ กษัยปู เกิดเพื่อโลหิตคุมกันเป็นก้อนดังตัวปูทะเล ตั้งอยู่ในกระเพาะข้าว ปวดขบท้องน้อย กินอาหารทับลงไปก็สงบ สิ้นอาหารก็ให้ขัดในลำไส้ แน่นไปทั้งท้อง จ็บดังจะขาดใจ กษัยจุก เพราะวาโยเดินแทงเข้าไปในเส้นเอ็นภายใน เป็นอาคันตุกะวาตะ ให้เส้นนั้นพองขึ้นในท้อง ให้จุกแดกดังจะขาดใจ นอนคว่ำให้ร้องอยู่เป็นนิจ นอนหงายก็ไม่ได้ ทุกขเวทนาเป็นกำลัง กษัยปลาไหล เป็นอยู่นานจะกระทำโทษ เอาหางชอนลงไปแทงเอาหัวเหน่า,ทวารหนัก,ทวารเบา ให้ขัดอุจจาระปัสสาวะ ปัสสาวะเหลืองดังขมิ้น บางทีแดงดังน้ำฝางต้ม ดังน้ำดอกคำ และตัวกษัยนั้นพันขึ้นตามลำไส้ เอาหัวแยงขึ้นชายตับและกระเพาะข้าว ถ้าบริโภคอาหารลงไป ตัวกษัยก็กัดเอาชายตับ...

ท่ามกลางความเจริญก้าวหน้าของสังคม  และเทคโนโลยีที่ทันสมัย  ทำให้คนในปัจจุบัน ต้องทำทุกอย่างด้วยความเร่งรีบ กดดัน  ขาดการเคลื่อนไหว  ขาดการออกกำลังกาย  และมีวิถีชีวิตที่ห่างไกลจากธรรมชาติออกไปทุกขณะ  ทำให้ระบบเลือด และเซลล์ในร่างกายไม่สามารถทำงานได้ราบรื่น  ก่อให้เกิดโรคต่างๆขึ้นมากมาย   ซึ่งมีหลายโรคที่แพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้  ทำให้ “กัวซา” ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษชาวจีนที่ถ่ายทอดกันมา  จึงกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง กัวซาคืออะไร “กัวซา” เป็นวิธีบำบัดแบบพื้นบ้าน ที่แพร่หลายกันมาแต่โบราณ ไม่ทราบผู้ค้นคิด หรือยุคสมัยที่แน่นอน หลักฐานทางการแพทย์แผนจีน มีบันทึกเกี่ยวกับการบำบัดด้วย “กัวซา” ที่เก่าแก่ที่สุดคือ “ตำรับยอดนิยมของหมอกลางบ้าน” เขียนโดย เวย อี้ หลิน แพทย์จีนสมัยราชวงศ์หยวน ราวปี ค.ศ. 1337 จัดให้ “กัวซา” เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการบำบัดทางการแพทย์จีน [caption id="attachment_94" align="alignnone" width="489"] รักษาอาการ หอบหืดด้วยการขูดกัวซาตามจุด[/caption] ความหมาย คำว่า “กัว”หมายถึง  การกวาด หรือ ขูด คำว่า “ซา”หมายถึง ...

มาพูดกันถึงวิธีขูด กัวซา ที่เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ถึงแม้วิธีขูดพิษจะทำกันได้ง่ายไม่มีอันตรายก็จริง แต่ก็มีข้อควรระวังหรือข้อยกเว้นที่ต้องรู้เกี่ยวกับการขูด กัวซา ไว้เช่นกัน 1.สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจไม่ควรทำการ กัวซา เพราะอาจทำให้เกิดภาวะฉุกเฉิน อาการกำเริบขึ้นในระหว่างการทำ กัวซา 2.ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งไม่ควรทำการ กัวซา เพราะอาจจะทำให้เซลล์มะเร็งแตกตัวได้ 3.ผู้ที่มีปัญหาบาดแผล เช่น สิว ฝี หนอง แผลพุพอง ไม่ควรทำการ กัวซา เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื่อได้ 4.สตรีมีครรภ์ไม่ควรทำการ กัวซา เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายแก่เด็กในครรภ์ได้ 5.สตรีที่อยู่ในระหว่างการมีประจำเดือน ไม่ควรทำการ กัวซา เพราะช่วงเวลานั้นร่ายกายมีการเสียเลือดอยู่หากทำการ กัวซา อาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ และเป็นลมได้ 6.ผู้ที่มีอาการมึนเมา ท้องว่าง หรือกินอิ่มเกินไป ไม่ควรทำการ กัวซา เพราะอาจทำให้เกิดการวิงเวียนศีรษะ และเป็นลมในระหว่างการทำ กัวซา ได้ 7.ห้ามกัวซาบริเวณสะดือ 8.ผู้ที่กระดูกหักและยังไม่สมานติดกันดี ไม่ควรทำการ กัวซา ลงมือทำกัวซา...

จากประสบการณ์นับ 10 ปีที่ได้ทำการขูดกัวซาให้กับคนไข้นับพันนับหมื่นราย ทำให้หมออิ้มสามารถอธิบายความหมายของ กัวซา เป็นอย่างดี กัวซาเป็นการบำบัดรักษาโรค ด้วยการขูดผิวหนังเพื่อเอาเลือดและพิษ และเลือดที่เสียออกจากร่างกาย ถือเป็นการถ่ายเลือดโดยไม่มีเลือดไหล เป็นการฝังเข็ม โดยที่ไม่ต้องทิ่มทะลุผืวหนัง เป็นการนวดที่ไม่ต้องใช้มือนวด โดยพิษและเลือดที่เสียนั้นจะถูกขับออกมาเป็นผื่นแดงๆหยาบๆ เหมือนเม็ดทรายพร้อมทั้ง รับประทานยาระบายขับธาตุสูตรเฉพาะของคลินิก บางรายอาจเป็นรอยจ้ำสีแดงอมม่วงบนบริเวณผิวหนังที่ทำการขูด ขึ้นอยู่กับปริมาณพิษของแต่ละคน ซึ่งเราจะเรียกรอยผื่นแดงนี้ว่าการเกิด "ซา" (มีความหมายว่าพิษ) เมื่อขูดเอาพิษและเลือดเสียออกมาแล้ว เลือดใหม่ก็จะผลิตทดแทนขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวมีปริมาณที่สมดุล ช่วยกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึ่มภายในร่างกายปรับปรุงระบบหมุนเวียนของระบบเลือดและลมปราณให้ทำงานได้ดีและคล่องตัวขึ้น อีกทั้งเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาด้วย ทำให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ขอบตาหายคล้ำกลิ่นตัวหายเหม็น รูปร่างกระชับได้สัดส่วน มองดูแล้วช่างดูดีมีชีวิตชีวา ซึ่งความสวย ความผอม ความดูดีทั้งหลายนี้คือผลพลอยได้จากการขูดกัวซานั่นเอง [caption id="attachment_405" align="aligncenter" width="757"] อธิบายขั้นตอนการรักษาโรคต่างๆด้วยกัวซา กัวซาเป็นการบำบัดรักษาโรค ด้วยการขูดผิวหนังเพื่อเอาเลือดและพิษ และเลือดที่เสียออกจากร่างกาย ถือเป็นการถ่ายเลือดโดยไม่มีเลือดไหล เป็นการฝังเข็ม โดยที่ไม่ต้องทิ่มทะลุผืวหนัง[/caption]...

สาวๆทั้งหลาย อาจสงสัยว่า วิธีทําให้หน้าใส โดยใช้ครีมหน้าใส ที่วางขายอยู่ในท้องตลาดหรือที่ขายอยู่ใน Internet นั้นได้ผลจริงหรือไม่ ซึ่งก็มีหลากหลายบทความที่ตีแพร่ความจริงว่าผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารเคมีเหล่านั้นส่งผลเสียต่างๆมากมาย ซึ่งในระยะแรกครีมหน้าใสเหล่านั้นจะส่งผลให้เซลผิวมีปฎิกิริยาขาวใสในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่เมื่อใช้ไประยะเวลาหนึ่งเซลผิวจะเกิดการหมองคล้ำ ในบางรายไม่สามารถเจอแสงแดดได้ หากเจอแสงแดดอาจทำให้เกิดฝ้าขึ้น ไม่สามารถรักษาให้หายได้   เพื่อหลีกเลี่ยงสารเคมี จึงมีผู้คิดค้นวิธีต่างๆจากภูมิปัญญาเพื่อช่วยให้เราได้พึ่งพาธรรมชาติให้มากที่สุด วิธีทําให้หน้าใส ไร้สิวด้วยวิธีธรรมชาติ มีบทความแพร่หลายใน Internet ทั้งครีมที่ผลิตจากขมิ้น โคลนบำรุงผิว ต่างๆ แต่อีกหนึ่งวิธีซึ่งเป็นภูมิปัญญา เป็นศาสตร์แพทย์แผนจีนโบราณ เรียกกันว่า กัวซาหน้าใส ซึ่งเป็น วิธีทําให้หน้าใส โดย ธรรมชาติไม่มีสารเคมี   บทความนี้จะขออธิบายกระบวนการทำงานของร่างกาย เมื่อได้รับการ กัวซาหน้าใส วิธีทําให้หน้าใส   ผิวร่างกายของเราจะประกอบไปด้วยท่อน้ำเหลือง รูขุมขนมากมายทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งท่อน้ำเหลืองที่ว่ามานี้มีหน้าที่ ช่วยไหลเวียนสารต่างๆเข้ารวมสู่เลือดเพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย หากการทำงานของน้ำเหลืองผิดปกติแล้วจะส่งผลเสียต่างๆมากกับร่างกายรวมไปถึงผิวพรรณที่หมองคล้ำ   การทำ กัวซาหน้าใส คือการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลมและน้ำเหลือง ด้วยการขูดพิษน้ำเหลืองที่อุดตัน บริเวณผิวหนังซ้ำไปมาเพื่อทำให้ท่อและต่อมน้ำเหลืองที่อุดตันเกิดการขยาย และกระตุ้นให้ไหลเวียนเป็นปกติ เมื่อน้ำเหลืองไหลเวียนเป็นปกติ ก็จะส่งผลให้เลือดได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ส่งต่อไปยังอวัยวะภายในต่างๆ เพื่อให้ระบบการทำงานของร่างกายเข้าสู่ภาวะปกติ เป็น...

การนวดกัวซานับเป็นกระบวนการที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และการนวดเพื่อขับสารพิษออกจากร่างกายนั้นนับเป็นศาสตร์ล้าสมัยที่หาทำได้ยากเพื่อให้ทุกคนได้ลองสัมผัสแบบไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนไกล สอิ้มคลินิค ให้บริการ การนวดหน้าด้วยกัวซา (Guasa Face Massage)ประสบการณ์ขับพิษทางผิวหนังจากผู้เชี่ยวชาญ มานำเสนอแก่คนรักสุขภาพได้ลองสัมผัสกัน การนวดกัวซาเป็นศาสตร์การนวดที่มีอายุนานกว่า 2,000 ปีของจีน โดยคำว่ากัวซา มีที่มาจากคำว่า "กัว" แปลว่า การขูด และ "ซา" แปลว่า พิษโรค การเฟ้นกัวซาจึงมีความหมายถึงการนวดโดยใช้แผ่นกัวซาที่ทำจากเขาสัตว์ที่มีความเย็นเป็นหยิน-หยาง มาถูหรือขูดซ้ำไปมา เพื่อช่วยขับสารพิษตกค้างบนผิวบริเวณต่างๆ เพื่อเสาะหาพิษหรือโรคที่แฝงอยู่ตามส่วนต่างๆ ของนวทวาร ช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนของเลือด เสริมการไหลเวียนของพลังลมหายใจ ขับพิษ ขับความร้อนออกจากร่างกาย ซึ่งสามารถเห็นผลได้ทันที โดยการขูดหรือถูแผ่นกัวซาไปกับผิวนั้นต้องทำโดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะเพราะจะต้องขูดหรือถูตามเส้นลมหายใจของแต่ละคน โดยหากทำกัวซาที่บริเวณใบหน้าแล้วพบว่า ผิวเป็นสีขาวอมชมพู แสดงว่าร่างกายปกติสมบูรณ์ดี แต่ถ้าพบว่าผิวมีลักษณะแดงเป็นปื้นหรือช้ำ แสดงว่ามีพิษสะสมมาก สำหรับการกัวซาบริเวณใบหน้าจะเป็นการผลัดเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก ขจัดสิวเสี้ยนทำให้ฝ้าบางลง เสริมสร้างความชุ่มชื่นของเซลล์ผิวชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น ลบเลือนเส้นร่องต่างๆ ของใบหน้า ทั้งยังช่วยให้ใบหน้าจะได้รับออกซิเจนอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยแผ่นกัวซาจะมีคุณสมบัติที่ให้ความเย็นช่วยกระตุ้นการทำงานของเลือดลมและน้ำเหลืองได้ดี ดังนั้นการนวดหน้าด้วยกัวซาบริเวณใบหน้าจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าหมองคล้ำ เป็นฝ้า...

เชื่อไหมค่ะว่าการที่เราเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็ช่วยล้างพิษได้อีกทาง เรามาดูกันดีกว่านะค่ะว่าอาหารอะไรบ้างที่ช่วยล้างพิษได้ดี สาหร่าย สาหร่ายทะเลนั้นมีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการอยู่ถึง 18 ชนิดเลยทีเดียว แต่ที่มีมากและสำคัญต่อร่างกายเรานั้น พืชสีเขียวในทะเลที่หลายคนมองข้าม แต่ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัย McGill ประเทศแคนาดาระบุชัดว่า ต่อต้านอนุมูลอิสระ ระบบขับถ่ายดี กินเป็นอาหารเจได้ มีโปรตีนเส้นใยสูง  สาหร่ายสามารถดูดซึมของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นรังสีจากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือคลื่นไมโครเวฟ ซึ่งพลังงานความร้อนจากรังสีเหล่านี้ สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ สาหร่ายยังอุดมไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่จำนวนมาก   มะนาว   ช่วยทำความสะอาดตับ ทั้งยังมีวิตามินซีสูง การดื่มน้ำมะนาวสดผสมกับน้ำอุ่นทุกเช้าหลังตื่นนอน จะสามารถช่วยล้างพิษและทำให้เลือดสะอาดขึ้นมะนาวมีกรดและวิตามินหลายชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายของเรา เช่น กรดอินทรีย์ กรดซิตริก กรดมาลิค โดยเฉพาะวิตามินซี ที่พบมากที่สุดในมะนาว ส่วนผิวมะนาวนั้น พบว่ามีน้ำมันหอมระเหย ที่มีทั้งวิตามินเอและซี รวมทั้งมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในน้ำมะนาวอีกด้วยค่ะช่วยล้างพิษในลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย   กระเจี๊ยบ   ตำราแพทย์แผนโบราณของเอเชียกล่าวไว้ว่า การดื่มน้ำทับทิมสามรถรักษาอาการอักเสบและลดความปวดได้ เนื่องจากในทับทิมมีสารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับแอสไพรินในยาแก้ ปวด จึงช่วยล้างพิษ ลด การติดเชื้อของเชื้อโรค และลดอาการอักเสบ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบ ปวดบวม ช้ำ นอกจากนี้ ทับทิมยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายทำงานได้ดีขึ้น   แครอต   ผักสีส้มสารพัดประโยชน์ที่สามารถนำไปดัดแปลงเป็นอาหารได้หลายชนิด ไม่ว่าจะผัด ทอด...